ยุโรปในความทรงจำ

สรุปการศึกษาดูงานต่างประเทศ


หลังจากที่ได้ทำหน้าที่ของการเป็นยุวชนประชาธิปไตย ในการขยายเครือข่ายของยุวชนประชาธิปไตย ในจังหวัดแม่ฮ่องสอน โดยผ่านโครงการ ประชาธิปไตยสู่บ้านดอย ณ.หมู่บ้านซิวาเดอ โดยมีน้องๆในโรงเรียนบ้านซิวาเดอเป็นผู้เข้ารับการอบรม หลังจากที่เสร็จสิ้นโครงการได้รายงานผลต่อสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ผลปรากฏว่าผม นพดล อยู่พรหมแดน ยุวชนประชาธิปไตยจากจังหวัดแม่ฮ่องสอนได้ผ่านการคัดเลือกให้เข้าร่วมโครงการโครงการ “ศึกษางานการพัฒนาประชาธิปไตยจากความสัมพันธ์ ระหว่างประเทศไทย ราชอาณาจักรสเปน สาธารณรัฐโปรตุเกสและสาธารณรัฐอิตาลี” นั่นคือจุดเริ่มต้นของความตื่นเต้นที่บอกไม่ถูก ลำดับต่อจากนี้ไปขอเชิญทุกท่านไปพบกับเรื่องราวอันน่าตื่นเต้นๆจากการท่องยุโรปพร้อมๆกันเลยครับ

วันที่ 1 มิถุนายน พ.ศ.2551 เป็นจุดเริ่มต้นของการเดินทางในครั้งนี้ หลังจากที่คณะเดินทางทั้ง 20 ท่าน มาพบกันหน้ารัฐสภา นำทีมโดย ท่าน พิทูร พุ่มหิรัญ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร พี่ๆ staff จากสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรและยุวชนประชาธิปไตย ที่ผ่านการคัดเลือก 10 คนจากทั่วประเทศ รวมทั้งหมด 20 ท่าน ก็ได้เดินทางสู่สนามบินสุวรรณภูมิ หลังจากที่จัดเตรียมเอกสารในการเดินทางพร้อมแล้วก็ได้เดินทางโดยสายการบินไทย TG944 ณ.เวลา 01.00 น. ( ตี 1 ) โดยประมาณเพื่อบินตรงไปยังสนามบินของกรุงโรมประเทศอีตาลี จากนั้นก็เริ่มเดินทางออกจากสนามบินสุวรรณภูมิบินผ่านประเทศ พม่า อินเดีย ปากีสถาน และอีกหลายๆประเทศ หลังจากเวลาผ่านไป 12 ชั่วโมงเครื่องบินก็ร่องลงสู่สนามบินในกรุงโรมประเทศ อีตาลี ณ. เวลา 06.00น. เช้า แล้วเดินลงจากเครื่องด้วยความตื่นเต้นกับการที่ได้มาเยือนยุโรปเป็นครั้งแรกในชีวิตจากนั้นก็ตรงไปยังอาคารผู้โดยสารเพื่อรับกระเป๋า จากนั้นก็เดินทางโดยรถทัวร์ ต่อไปยังโรงแรมในกรุงโรมเพื่อเตรียมตัวศึกษาดูงาน

เป็นเวลา 2 วันที่ได้ศึกษาดูงานในกรุงโรมประเทศอีตาลีได้ไปทัศนะศึกษานครรัฐวาติกันซึ่งเป็นจุดศูนย์รวมของศาสนาคริสต์โรมันคาทอลิก และได้ไปเที่ยวชมสถาปัตยกรรมอันเก่าแก่ที่คู่บ้านคู่เมืองของประเทศอีตาลีหลายแห่งได้แก่ น้ำพุเทรวี่ โคโลเซียม โรมันฟอร์รัม เป็นต้น เป็นสิ่งก่อสร้างในสมัยโบราณและเป็นผลงานของศิลปินระดับโลกหลายท่านเช่น ลีโอนาโด ดาวินซี่ ไมเคิลเอลเจโล เบอนีนี่ เป็นต้น ที่ได้ถ่ายทอดจิตนาการผ่านสถาปัตยกรรมอันล้ำค่าจนปรากฏเป็นที่ประจักษ์แก่คนรุ่นหลังในปัจจุบัน นอกจากนี้แล้วยังได้ไปท่องเที่ยวในเมือง ฟลอเรนซ์ ที่ได้ชื่อว่าเป็นเมืองแห่งความสุขที่ใครๆ ก็อยากไปใช้ชีวิตที่นั่น ได้ดูโบสถ์ ดูโอโม และสถาปัตยกรรมอื่นๆอีกมากมาย กลับที่พักในตอนเย็นสิ่งที่ขาดไม่ได้เลยก็คือ การสรุปสิ่งที่ได้พบเห็นและการวิเคราะห์ เพื่อมาเปรียบเทียบกับประเทศไทย ซึ่งเป็นสิ่งที่สนุกสนานมาก ในการแบ่งปันความคิดร่วมกับเพื่อนๆในกลุ่ม

เข้าสู่วันที่ 3 ของการศึกษาดูงานจัดเตรียมกระเป๋าตั้งแต่เช้าแล้วออกเดินทางไปยังกรุงลิสบอนประเทศโปรตุเกส โดยสายการบิน อิตาเลียน อีก 2ชั่วโมงของการเดินทางโดยเครื่องบินไม่นานเครื่องก็ลงสู่สนามบิน ณ. สนามบินกรุงลิสบอนจากนั้นก็เดินทางต่อไปยังโรงแรมในใจกลางเมืองลิสบอน

อีก 2 วันกับการศึกษาดูงานในประเทศโปรตุเกสโดยเริ่มต้นที่การไปเยี่ยมชมรัฐสภาของโปรตุเกสพร้อมทั้งเรียนรู้ระบบการบริหารจักการบ้านเมืองของประเทศโปรตุเกส ประเทศโปรตุเกสเป็นประเทศหนึ่งที่มีการปกครองในระบอบประชาธิปไตย ในระบบรัฐสภาโดยมีประธานาธิบดีเป็นประมุข แต่มีความแตกต่างกับประเทศไทยคือ ประเทศไทยปกครองในระบบรัฐสภาที่เป็นสภาคู่ แต่ประเทศโปรตุเกสเป็นการปกครองในสภาเดียวกล่าวคือมีแต่ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ไม่มีสมาชิกวุฒิสภาทำให้การบริหารบ้านเมืองมีความรวดเร็วกว่าประเทศไทย หลังจากการศึกษาดูงานที่รัฐสภาเสร็จแล้วก็ได้ไปเยี่ยมชมเมืองซินตร้า ซึ่งเป็นเมืองที่ตั้งอยู่ที่ชายฝั่งแอตแลนติก ได้สัมผัสถึงลมที่พัดเข้าชายฝั่งของมหาสมุทรแอตแลนติก หลังจากนั้นก็ไปเยี่ยมพระราชวังหลวงที่มีอายุมากกว่า 600 ปี อันเป็นสถานที่ ที่ชาวโปรตุเกสให้การเคารพและทำนุบำรุงไว้มาจนถึงปัจจุบัน

พอเริ่มเข้าสู่วันที่ 5 ของการศึกษาดูงาน ก็ได้ออกเดินทางจากกรุงลิสบอนประเทศโปรตุเกส มุ่งหน้าสู่กรุงมาดริดประเทศสเปน โดยรถทัวร์ใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 4-5 ชั่วโมงซึ่งก่อนที่จะเดินทางไปสู่กรุงมาดริด ก็ได้ไปเที่ยวชมสถาปัตยกรรมในเมืองกรานาดา เป็นที่ตั้งของพระราชวัง อลัมบรา ซึ่งเป็นอีกเมืองหนึ่งในประเทศสเปนที่มีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจมากมายและดึงดูดนักท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก ด้วยศิลปะและวิถีชีวิตที่เรียบง่าย เช่นการแสดง ฟรางมิงโก การสู้วัวกระทิง และศิลปะอันน่าสนใจอีกมากมาย

ตั้งแต่วันที่ 6 – 12 เป็นช่วงที่ได้ศึกษาดูงานที่ประเทศสเปน โดยได้เริ่มต้นที่การเข้าไปศึกษาดูงานในรัฐสภาของประเทศสเปน โดยมีเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรของสเปนมาต้อนรับพวกเรา ได้เรียนรู้ถึงระบบการปกครองของประเทศสเปน ซึ่งเป็นประเทศที่มีการปกครองคล้ายกับประเทศไทยมาก เพราะว่าเป็นการปกครองในระบอบประชาธิปไตย ในระบบรัฐสภา โดยมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข และเป็นการปกครองในระบบ 2 สภา คือ สภาผู้แทนราษฎรกับวุฒิสภานั่นเอง แต่จะแตกต่างกับประเทศไทยตรงที่ การปกครองของสเปน จะแบ่งการปกครองออกเป็นแคว้น และแต่ละแค้วนจะมีอำนาจอิสระในการปกครองตนเอง โดยที่ส่วนกลางจะไม่มี ส่วนในการบริหาร นอกจากการประสานงานและการอนุมัติงบประมาณให้กับแต่ละแคว้น เท่านั้น หลังจากการดูงานที่เป็นวิชาการแล้ว มาถึงตอนนี้ก็เข้าสู่ความสนุกสนานอันน่าตื่นเต้นบ้าง นั่นก็คือ การไปท่องเที่ยวตามเมืองต่างๆ ในประเทศ สเปน เริ่มที่ เมือง เซวิญา เป็นเมืองแห่งศิลปะของแขกมัวร์ในสมัยโรมัน มีอายุมากว่า 500 กว่าปีมาแล้ว เมือง โคโดบา ซึ่งเป็นศูนย์กลางทาด้านศิลปวัฒนธรรม ที่ยิ่งใหญ่ของโลกตะวันตก มีการผสมผสานศิลปะของแขกมัวร์ กับชาวคริสเตียนที่เข้ามาอาศัยอยู่ เป็นเวลานาน เมืองสุดท้ายที่ได้ไปท่องเที่ยวคือ เมืองโทเรโด อดีตเมืองหลวงของประเทศสเปน เป็นเมืองที่มีความสวยงามมาก มีแม่น้ำล้อมเป็นรูปครึ่งวงกลม ที่ตั้งของตัวเมืองอยู่บนหน้าผาสูง ชื่อของเมือง (โทเรโด) หมายถึงการผสมผสานของ 3 วัฒนธรรม คือ คริสเตียน อิสลาม และฮีบรู ซึ่งมีสถาปัตยกรรมที่สวยสดงดงามมากเลยทีเดียว หลังจากการศึกษาดูงานแล้วก็ได้มีการสรุปผลในวันสุดท้าย พร้อมทั้งแสดงความยินดีกับยุวชนประชาธิปไตยทั้ง 10 ท่านที่ได้มีโอกาสมาศึกษาดูงานในครั้งนี้

มาถึงวันสุดท้ายของการศึกษาดูงานคือวันที่ 12 ในช่วงบ่ายเราก็ออกเดินทางจาก โรงแรม สู่สนามบินในกรุงมาดริด และเดินทางกลับประเทศไทย โดยสายการบินไทย TG 949 ในเวลา 13.00 น. ถึงสนามบินสุวรรณภูมิ เวลาประมาณ 06.30 น. พร้อมแยกย้ายกันเดินทางกลับบ้าน

สิ่งที่อยากฝากถึงเพื่อนๆและน้องๆ

“โครงการยุวชนประชาธิปไตย เป็นโครงการที่เปิดโอกาสให้กับนักเรียนได้เรียนรู้ถึงวิถีประชาธิปไตยอย่างแท้จริง รู้จักความเป็นไทย และพัฒนาเราให้เป็นต้นกล้าของประชาธิปไตยที่ดีงามในอนาคต เปิดโอกาสให้เราได้เก็บเกี่ยวประสบการณ์ต่างๆ มากมาย ทั้งภายในประเทศและนอกประเทศ อยากให้เพื่อนๆและน้องๆที่สนใจในด้านของการเมืองการปกครอง สมัครเข้าร่วมโครงการ เพื่อหาโอกาสในการเก็บเกี่ยวประสบการณ์ ได้รู้จักเพื่อนๆ จากทั่วประเทศ ได้มีโอกาสเรียนรู้ในสิ่งใหม่ๆ เพื่อสร้างเราให้มีความเข้มแข็ง พร้อมที่จะเผชิญกับโลกภายนอกอยู่ตลอดเวลา ถึงแม้เราจะเสียเวลาในการเรียนเพียงน้อยนิด แต่ก็คุ้มค่ากับประสบการณ์ที่เราได้รับ ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่สามารถหาได้ในตำราเรียน ได้พบ ได้เห็น ด้วยตนเอง บอกได้เลยครับว่า คุ้ม..ยิ่งกว่าคุ้มครับ”

ในปีหน้าคงต้องฝากความหวังไว้กับ ยุวชนประชาธิปไตย ปี 2552 ของโรงเรียนแม่สะเรียง “บริพัตรศึกษา” ยังไงก็ขอเป็นกำลังใจให้กับเพื่อนๆ หรือน้องๆที่สนใจเข้าร่วมโครงการ ของปีหน้านะครับ สู้ๆ ครับ......

โอกาสดีๆ หาได้ง่ายๆครับ....ถ้าเรามีความตั้งใจจริง

ดูรูปได้ที่นี่  http://noppadonyoopromdan.blogspot.com/2008/06/blog-post.html

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ประสบการณ์ในแดนมังกร

ท่องยุโรปไปกับยุวชนประชาธิปไตย

ท่องยุโรปไปกับยุวชนประชาธิปไตย
ประสบการณ์ในการทัวร์ยุโรปมา ช่างเป็นสิ่งที่น่าตื่นเต้นจริงๆ และผมก็มีรูปภาพสวยๆมาฝากกันมากมายเลยทีเดียวครับ ก็ขอเชิญเยี่ยมชมได้เลยครับ ไปกันเล้ยยยๆ!!!!!