รางวัลประเภทเด็กและเยาวชนชายดีเด่น
ด้านการส่งเสริม ปกป้อง และคุ้มครองสิทธิมนุษยชน
ประจำปี ๒๕๕๔
ชื่อ
– นามสกุล นายนพดล อยู่พรหมแดน
วัน-เดือน-
ปีเกิด ๕
กุมภาพันธ์ ๒๕๓๒
ที่อยู่ บ้านเลขที่ ๒๔ หมู่ที่
๓ ตำบลแม่สามแลบ อำเภอสบเมย จังหวัดแม่ฮ่องสอน ๕๘๑๑๐
การศึกษา คณะศึกษาศาสตร์
มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ชั้นปีที่ ๒
ประสบการณ์ด้านสิทธิมนุษยชน
-ประธานยุวชนประชาธิปไตยจังหวัดแม่ฮ่องสอน
ไปศึกษาดูงานการพัฒนาประชาธิปไตยและการส่งเสริมสิทธิมนุษยชนที่ราชอาณาจักรสเปน สาธารณรัฐโปรตุเกส สาธารณรัฐอิตาลี
และศึกษาดูงานเชิงเปรียบเทียบที่สาธารณรัฐประชาชนจีน
-ประธานศูนย์ข่าวเยาวชนไทย
โรงเรียนแม่สะเรียง บริพัตรศึกษา ทำรายการสกู๊ปชีวิตสะท้อนปัญหาของเด็กไร้สัญชาติออกอากาศทางช่อง
Nation
Chanel
-แกนนำเยาวชนในการต่อต้านการสร้างเขื่อนสาละวิน
เพื่อปกป้องผืนป่าและสิทธิของชาวบ้านตำบลแม่สามแลบ ซึ่งเป็นหมู่บ้านของนพดลและครอบครัว
-ประธานสภานักเรียน
และเป็นแกนนำของนักเรียนจังหวัดแม่ฮ่องสอนในการทำงานเรื่องประเด็นปัญหาเด็กไร้สัญชาติ
-รองประธานชมรม
“ต้นกล้าเมืองแม่ ด้วยเศรษฐกิจพอเพียง”
เพื่อช่วยเหลือและส่งเสริมการศึกษาให้เด็กด้อยโอกาสที่อยู่บนดอยในพื้นที่ห่างไกล
เขตจังหวัดแม่ฮ่องสอน
-ประธานนักศึกษาชั้นปีที่
๒ คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
ดำเนินกิจกรรมปลูกฝังรณรงค์ให้นักศึกษาตระหนักถึงสิทธิมนุษยชนและสร้างความเป็นธรรมในสังคม
โดยเฉพาะการให้ความช่วยเหลือเด็กไร้สัญชาติ เด็กด้อยโอกาส
และเด็กที่มีความบกพร่องทางร่างกาย
รางวัลและประกาศเกียรติคุณที่เคยได้รับ
-รางวัลเยาวชนดีเด่นแห่งชาติ ประจำปี ๒๕๕๔
สาขาการพัฒนาเยาวชน บำเพ็ญประโยชน์และส่งเสริมการมีส่วนร่วมของเยาวชน
จากสำนักงานส่งเสริมสวัสดิภาพและพิทักษ์เด็ก เยาวชน ผู้ด้อยโอกาสและผู้สูงอายุ
-นักเรียนรางวัลพระราชทาน ประจำปี ๒๕๕๒
ระดับโรงเรียนมัธยมศึกษาขนาดใหญ่ เขต ๘ จากกระทรวงศึกษาธิการ
ฉันจึงมาหาความหมาย
“สิทธิมนุษยชน” ความปรารถนาของเด็กชาวเขาบนผืนแผ่นดินบ้านเกิด
ณ
หมู่บ้านซิวาเดอ เด็กชายชาวปกากะญอ “นพดล
อยู่พรหมแดน” ได้เกิดและเติบโตขึ้นในครอบครัวชาวเขา ซึ่งประกอบอาชีพหลักคือ
ทำไร่ ในพื้นที่ห่างไกลความเจริญบริเวณชายแดนไทยพม่า ริมแม่น้ำสาละวิน ตำบลแม่สามแลบ
เขตอำเภอสบเมย จังหวัดแม่ฮ่องสอน ป่าเขาลำเนาไพรที่รายล้อมคือชีวิตของเด็กชายนพดลและชาวเขาเผ่าปกากะญอ
หรือชนชาวเขาเผ่ากะเหรี่ยง ท่ามกลางวิถีแห่งธรรมชาติน่าจะเป็นชีวิตที่สงบและงดงาม
แต่ห้วงแห่งความทรงจำของเด็กน้อยนพดลขณะนั้นคือ
ชีวิตที่อยู่ใกล้ชิดกับความโหดร้ายของการสู้รบระหว่างทหารกะเหรี่ยงกับทหารของรัฐบาลพม่า
ภาพที่ได้พบเห็นอยู่เนืองนิจคือ การฆ่าประชาชนในหมู่บ้านอย่างไร้มนุษยธรรม
ปราศจากความเมตตา ราวกับว่าไม่มีกฎหมายใดๆ บนพื้นที่แห่งนี้
จากประสบการณ์อันเลวร้ายที่ต้องหลบลี้หนีภัยอยู่บ่อยครั้ง
ทำให้เด็กชายนพดลมุ่งมั่นที่จะแสวงหาความรู้และค้นหาความหมายของคำว่า
“สิทธิมนุษยชน” พร้อมตั้งปณิธานว่า จะต้องทำให้คำว่า “สิทธิมนุษยชน”
เกิดขึ้นและเป็นจริงในผืนแผ่นดินบ้านเกิดของเขาให้จงได้
โรงเรียนบ้านซิวาเดอ
คือสถานที่ศึกษาแห่งแรกในชีวิตซึ่งนพดลรักและภูมิใจ เพราะที่แห่งนี้ทำให้เด็กชายชาวเขาอ่านภาษาไทยออก
เขียนภาษาไทยได้ ได้รับความรู้และประสบการณ์มากมายในชีวิต เบิกทางให้เขาก้าวสู่เส้นทางการศึกษาจากชีวิตเด็กดอยสู่พื้นที่ราบ
เผชิญโลกภายนอกเป็นครั้งแรก ณ โรงเรียนบ้านห้วยสิงห์ ตำบลแม่ยวม
อำเภอแม่สะเรียง จังหวัดแม่ฮ่องสอน ในชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ ชีวิตที่ต้องห่างไกลครอบครัวทำให้นพดลต้องดูแลตนเอง รับจ้างทำงานในวันหยุด ปลูกข้าวโพด หอม
กระเทียม เพื่อแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายของพ่อแม่
ซึ่งยังต้องดูแลเลี้ยงน้องของนพดลอีกสองคน รายได้จากหยาดเหงื่อแรงงานจึงเป็นค่าหนังสือตำรา
อุปกรณ์การเรียน และของใช้ที่จำเป็นในการดำรงชีวิต เหล่านี้ได้บ่มเพาะให้นพดลรู้คุณค่าของเงินทองและการอดออมตลอดมาจนทุกวันนี้
การศึกษาเป็นเรื่องที่นพดลให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง
เขาได้เข้าศึกษาต่อในโรงเรียนแม่สะเรียง บริพัตรศึกษา ซึ่งเป็นโรงเรียนมัธยมขนาดใหญ่ประจำอำเภอ สิ่งหนึ่งที่นพดลยังคงปฏิบัติอยู่เช่นเดิมคือ
การเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ ของโรงเรียนและส่วนรวม
ทำให้เขาก้าวขึ้นมาสู่การเป็นแกนนำเยาวชน
ทำหน้าที่เป็นแบบอย่างที่ดีให้กับรุ่นน้อง
ในขณะเดียวกันก็ไม่ลืมที่จะพัฒนาและแสวงหาความรู้ให้กับตนเอง
โดยไม่ลืมความตั้งใจเดิมที่จะกลับไปพัฒนาบ้านเกิด ด้วยความปรารถนาว่า ดินแดนแห่งนั้นจะสงบและร่มเย็น
ด้วยวิถีชีวิตสิทธิมนุษยชน
ปัจจุบัน
เด็กชายชาวเขาผู้มุ่งมั่นคนนั้นได้เติบโตอย่างเข้มแข็งเป็นหนุ่มน้อยวัย ๒๒ ปี
นักศึกษาชั้นปีที่ ๒ คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
สาขาสังคมศึกษาและสิ่งแวดล้อม
เป็นประธานนักศึกษาชั้นปีของคณะ และยังใฝ่หาที่จะเรียนรู้ความเป็นสังคม
การดำรงชีวิตของมนุษย์ รวมทั้งความรู้และความหมายของคำว่า “สิทธิมนุษยชน”
อยู่เช่นเดิม
สาละวิน...สายธารน้ำไหลผ่านหัวใจ
สายใยแห่งชีวิต
วิถีชีวิตของชาวปกากะญอ
ตำบลแม่สามแลบ ตลอดมาผูกพันกับผืนป่าและลำน้ำสาละวิน
สายน้ำที่หล่อเลี้ยงทุกชีวิตของชาวอำเภอสบเมยและชาวชนเผ่า
นพดลเติบโตมาเช่นนี้ท่ามกลางการเลี้ยงดูแบบพึ่งพาและอาศัยธรรมชาติ
พ่อณรงค์และแม่แดงสอนลูกอยู่เสมอให้รักป่า รักน้ำ รักเพื่อนบ้าน ปกป้องที่อยู่อาศัย
และ“ได้หน้าแล้วอย่าลืมหลัง” สิ่งเหล่านี้
ทำให้นพดลระลึกอยู่เสมอว่าจะต้องปกป้องและธำรงไว้ซึ่งสิ่งที่บรรพบุรุษรักษาไว้ให้
และไม่เคยลืมว่า ตนเองเติบโตมาจากที่ไหน ด้วยเหตุนี้นพดลจึงอาสาเป็นแกนนำในฐานะเยาวชน
คัดค้านโครงการก่อสร้างเขื่อนสาละวิน ซึ่งเป็นโครงการที่ชาวบ้านในเขตอำเภอสบเมย
จังหวัดแม่ฮ่องสอน ไม่ปรารถนาให้เกิดขึ้นเป็นอย่างยิ่ง ด้วยความเชื่อว่า โครงการดังกล่าวจะนำมาซึ่งการสูญเสียทรัพยากรป่าไม้อย่างมหาศาลเกิดผลกระทบต่อวิถีชีวิตของชาวสบเมยและพี่น้องชาวปกากะญอ
การดำเนินงานของนพดลเป็นไปอย่างสงบและงดงามผ่านพิธีกรรมการบวชป่า
การสืบชะตาแม่น้ำสาละวิน
และผ่านการให้ข้อมูลแก่นักวิจัยที่เข้ามาสำรวจและศึกษาความเป็นไปได้ในการสร้างเขื่อน
ด้วยความหวังว่าจะยับยั้งโครงการดังกล่าวมิให้เกิดขึ้น เพื่อรักษาระบบนิเวศน์
ความอุดมสมบูรณ์ของผืนป่าพื้นที่บ้านเกิด
และคงไว้ซึ่งวิถีชีวิตของชาวสบเมยและพี่น้องชาวปกากะญอให้ดำรงไว้สืบต่อไป
“อยู่ดอย...ก็เป็นที่หนึ่งได้”
ความฝันสู่เส้นทางนักการศึกษา
แม้ครอบครัว
“อยู่พรหมแดน” จะไม่ประสบปัญหาในเรื่องสัญชาติ แต่เพื่อนบ้านใกล้เคียงและเพื่อนๆ
ของนพดลต่างก็ประสบปัญหาในเรื่องดังกล่าวพอสมควร
“ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสิทธิที่พวกเขาได้รับก็ไม่เท่ากับเรา
ทำให้ผมได้เข้าใจถึงความไม่เท่าเทียมกันในสังคม โดยเฉพาะเรื่องการศึกษา
ซึ่งเป็นเรื่องที่ผมให้ความสำคัญมาตลอด การศึกษาในมุมมองของผมคือ
การพัฒนาคุณภาพชีวิตและสังคม”
“ตอนเด็กๆ ผมเกือบจะไม่ได้เรียนหนังสือด้วยซ้ำ
เนื่องจากไม่มีครูเข้าไปสอนเพราะหมู่บ้านอยู่ในพื้นที่ห่างไกลมาก
แต่ผมมีความตั้งใจที่จะต้องเรียนหนังสือให้ได้ อยากให้คนในหมู่บ้านได้รู้ว่า
การเรียนนั้นสำคัญมากเพียงใด และคงไม่เกินความสามารถของเด็กดอยคนหนึ่ง
อยู่ดอย...ก็เป็นที่หนึ่งได้ คือสิ่งที่อยู่ในใจของผมตลอดมา”
ความฝันของนพดล
คือ การได้เป็นครู เพื่อกลับไปสอนเด็กๆ ในพื้นที่ โดยเฉพาะเด็กด้อยโอกาสที่อยู่ห่างไกลความเจริญ
อยากกลับไปพัฒนาบ้านเกิด และสร้างความเท่าเทียมกันในฐานะนักการศึกษา
“ผมจึงเลือกเรียนทางด้านศึกษาศาสตร์
และจะดีใจมากถ้าได้เห็นน้องๆ เด็กๆ ในหมู่บ้าน
ได้มีโอกาสเรียนหนังสือเช่นเดียวกับผม พร้อมกันนี้ก็อยากปลูกฝังให้น้องๆ
ได้ช่วยเหลือสังคมส่วนรวมตามกำลังที่มีด้วย เพราะการเรียนรู้ที่แท้จริงนั้น ไม่จำเป็นต้องอยู่ในห้องเรียนเพียงอย่างเดียว
แต่เป็นวิชาที่เราเรียนรู้จากการที่เราร่วมทำงานกับคนอื่นเพื่อส่วนรวม
ซึ่งผมเรียกว่า วิชาชีวิต เป็นการเรียนรู้ทางสังคมด้วยตนเอง ทุกวันนี้...การทำกิจกรรมเพื่อสังคมจึงเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของผม”
สิทธิมนุษยชน...มีอยู่ในตัวของคนทุกคน
“เมื่อก่อนนั้น ผมยังไม่เข้าใจว่า
สิทธิมนุษยชนคืออะไร เพียงแต่เคยได้ยินและเป็นคำที่คุ้นเคย เพราะหมู่บ้านซิวาเดอของผมอยู่ในละแวกเดียวกับศูนย์อพยพของชาวพม่า
ซึ่งมีองค์กรระหว่างประเทศเข้าไปให้ความช่วยเหลือ แต่เมื่อผมได้ศึกษาเรียนรู้และมีประสบการณ์จากการทำงานเพื่อสังคม
จึงได้รู้ว่า สิทธิมนุษยชน ไม่จำเป็นต้องไปหาที่อื่นไกล เพราะสิทธิมนุษยชนมีอยู่ในตัวของคนทุกคน
เป็นสิทธิที่ทุกคนมีอยู่ในฐานะที่เป็นมนุษย์ ทั้งสิทธิในการดำรงชีวิตอยู่ในส่วนบุคคลและสิทธิในการอยู่ร่วมกันในสังคม
ซึ่งมีทั้งสิทธิตามกฎหมายและสิทธิที่มีอยู่โดยไม่ขึ้นอยู่กับบทบัญญัติตามกฎหมาย
แต่เป็นสิทธิที่เกิดจากมาตรฐานของความถูกต้องและความเป็นธรรม ผมเห็นว่า
การให้ความสำคัญกับสิทธิมนุษยชนจะเป็นพื้นฐานสำคัญในการก่อให้เกิดความเท่าเทียมกันทางสังคมและส่งเสริมการปกครองระบอบประชาธิปไตยอย่างแท้จริง”
การอยู่เพื่อตน...อยู่ได้แค่ชั่วชีวิต
แต่ถ้าอยู่เพื่อสังคม...จะอยู่ชั่วนิรันดร์
“การได้อุทิศตนเพื่อประโยชน์ส่วนรวมเป็นสิ่งที่สำคัญ
เพราะการอยู่เพื่อตนนั้น...อยู่ได้แค่ชั่วชีวิต แต่ถ้าได้อยู่เพื่อสังคม
เราจะอยู่ได้ชั่วนิรันดร์
ขอเพียงได้แค่ทำความดีและประโยชน์ให้กับสังคมส่วนรวม และได้ฝากรอยทางที่ดีงามไว้ให้น้องๆ
คนรุ่นหลังได้เดินตาม ผมไม่เคยลืมว่า
ผมเป็นเด็กชาวเขาเผ่ากะเหรี่ยงคนหนึ่งที่ได้มีโอกาสในเรื่องการศึกษาและการพัฒนาตนเอง
ผมจึงมีความตั้งใจที่จะช่วยเหลือให้น้องๆ
เด็กชาวเขาทุกคนได้รับโอกาสเช่นกันในเรื่องความเท่าเทียมกันทางการศึกษาและโอกาสในการพัฒนาตนเอง
ที่สำคัญเสมอและไม่เคยเปลี่ยนแปลง คือ การเป็นลูกที่ดีของพ่อแม่
เป็นลูกศิษย์ที่ดีของคุณครู เป็นคนดีของสังคม
และความตั้งใจที่จะได้ตอบแทนบุญคุณแก่แผ่นดินที่ให้กำเนิดมา...ประเทศไทย”
ปณิธานสูงสุดในชีวิตของเด็กหนุ่มชาวเขาที่มีหัวใจอันยิ่งใหญ่
ดูรูปภาพเพิ่มเติมที่ http://noppadonyoopromdan.blogspot.com/2012/01/blog-post_27.html
-------------------------------------------------
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น